YMFTHAI-FAQ การแก้ไขปัญหาคอมพิวเตอร์เบื้องต้น ( Troubleshoot basic ) วิธีแก้ปัญหา คอมดับเอง พร้อมมาดูสาเหตุว่าเกิดจากอะไรกัน

วิธีแก้ปัญหา คอมดับเอง พร้อมมาดูสาเหตุว่าเกิดจากอะไรกัน

ปัญหาคอมดับเอง เป็นปัญหาใหญ่มากสำหรับคนที่ต้องการใช้คอมพิวเตอร์ทำงานและเล่นเกม เพราะเมื่อเราใช้คอมพิวเตอร์แล้วดันดับเอง จะทำให้เราเสียเวลาเปิดใหม่ แถมไม่รู้อีกว่าคอมพิวเตอร์จะดับเองอีกตอนไหน


ปัญหาทางด้านฮาร์ดแวร์


1. ปลั๊กไฟหลวม

สาเหตุ : เกิดจากปลั๊กไฟที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เกิดหลวมหรือไม่แน่น

วิธีแก้ไข : เช็กและเปลี่ยนปลั๊กไฟใหม่และปรับให้แน่นในทุกจุด

2. ความร้อนสะสมมากเกินไป

สาเหตุ : คอมพิวเตอร์ทำงานหนักจนคอมดับเอง เพราะความร้อนของ CPU และ GPU (การ์ดจอ)

วิธีแก้ไข : เปลี่ยนซิลิโคนให้กับ CPU และ GPU เพื่อให้ระบายความร้อนได้ดี

3. ฝุ่นและความสกปรก

สาเหตุ : ฝุ่นทำให้คอมดับเองได้จริง เนื่องจากการสะสมของฝุ่นจำนวนมาก ทำให้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และแผงวงจรขัดข้อง บางกรณีอาจถึงขั้นเสียหายได้เลย

วิธีแก้ไข : ควรทำความสะอาดแผงวงจร เป่าฝุ่น ปัดฝุ่น ในทุก ๆ 4 เดือน

4. กระแสไฟไม่เพียงพอ

สาเหตุ : เกิดจากอุปกรณ์คอมพิวเตอร์กินไฟมากเกินไป โดยที่ Power Supply จ่ายไฟให้ได้ไม่เพียงพอ ต่อความต้องการของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์

วิธีแก้ไข : เปลี่ยน Power Supply ใหม่ให้รองรับการจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทั้งหมด

5. อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ชำรุด

สาเหตุ : อุปกรณ์คอมพิวเตอร์เมื่อใช้ไปนาน ๆ ย่อมมีวันเสื่อมสภาพและชำรุดเป็นธรรมดา โดยอุปกรณ์ที่มักจะเกี่ยวข้องกับปัญหาคอมดับเอง ได้แก่ Mainboard , CPU , Power Supply

วิธีแก้ไข : ตรวจสอบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ชำรุด และซื้อเปลี่ยนใหม่


ปัญหาทางด้านซอฟต์แวร์


1. ระบบปฏิบัติการมีปัญหา (OS)

สาเหตุ : เกิดจากตอนลงระบบปฏิบัติการ ติดตั้งไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร จึงทำให้เกิดปัญหาย้อนหลัง เช่น คอมดับเอง

วิธีแก้ไข : ลงระบบปฏิบัติการใหม่ (OS) ในปัจจุบันนิยมใช้ระบบปฏิบัติการ Windows

2. คอมติดไวรัส (Virus)

สาเหตุ : เกิดจากไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาติดไวรัส ทำให้ไวรัสทำลายระบบปฏิบัติการ (OS)

วิธีแก้ไข : ดาวน์โหลดโปรแกรมสแกนไวรัสที่เชื่อถือได้ มาสแกนเพื่อนำไวรัสออกไป

3. ซอฟต์แวร์บางตัวทำงานขัดแย้งกัน

สาเหตุ : โปรแกรมบางตัวอาจไม่รองรับระบบปฏิบัติการที่ใช้อยู่ หรือเวอร์ชันระบบปฏิบัติการไม่รองรับโปรแกรมในรุ่นที่โหลดมา เช่น เวอร์ชันใหม่เกินไป หรือ เก่าเกินไป

วิธีแก้ไข : ตรวจสอบโปรแกรมที่โหลดล่าสุด จากนั้นถอนการติดตั้ง Uninstall

Related Post

แอพหรือโปรแกรมค้าง ทำงานไม่ได้ ปิดก็ไม่ได้แอพหรือโปรแกรมค้าง ทำงานไม่ได้ ปิดก็ไม่ได้

หนึ่งในปัญหาคลาสสิคที่ทุกคนพบเจอ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากการใช้งานหน่วยความจำหนักเกินไป หรือไวรัสโจมตีการทำงานของคอมพิวเตอร์ ปัญหาดังกล่าวอาจทำให้งานที่ทำอยู่ถูกลบไปโดยที่ยังไม่ได้บันทึกได้ ดังนั้น ปัญหาแอพหรือโปรแกรมค้างจำเป็นที่จะต้องดำเนินการแก้ไขด้วยความใจเย็น เพื่อให้ส่งผลกระทบต่อคอมน้อยที่สุด วิธีแก้ไข: ปัญหาแอพหรือโปรแกรมค้างสามารถแก้ไขได้ง่ายด้วยการกด Ctrl+Alt+Del จากนั้นให้เลือกโปรแกรมที่ค้างหรือขึ้น Not Responding แล้วคลิก End Task เพื่อปิดการใช้งานโปรแกรมดังกล่าวเป็นการเฉพาะ จากนั้นให้เปิดโปรแกรมขึ้นมาใหม่อีกครั้งจะพบว่ายังมีข้อมูลหลงเหลืออยู่จากการ Auto Save ให้จัดการ Save ให้เรียบร้อยเพื่อใช้งานต่อไป

วิธีแก้คีย์บอร์ดเพี้ยน กดไม่ติด ควรทำอย่างไรวิธีแก้คีย์บอร์ดเพี้ยน กดไม่ติด ควรทำอย่างไร

วิธีแก้คีย์บอร์ดเพี้ยน มีสาเหตุและวิธีแก้อย่างไร? 1. ปัญหาจากการเชื่อมต่อ ปฏิเสธไปไม่ได้เลยว่าเป็นปัญหาที่มีโอกาสเกิดขึ้นกับผู้ใช้งานส่วนใหญ่ และน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้คีย์บอร์ดเพี้ยนมากที่สุดกับ ปัญหาจากการเชื่อมต่อ ที่เกิดจากการเชื่อมต่อคีย์บอร์ดเข้ากับคอมพิวเตอร์ทั้งแบบไร้สายผ่าน Dongle, Bluetooth และแบบมีสาย USB เบื้องต้นสำหรับการที่เราเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราขึ้นมาแล้ว ไม่สามารถใช้งานคีย์บอร์ดได้นั้น เบื้องต้นเราอาจจะตรวจสอบในส่วนของสายสำหรับเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ หรือถ้าใครเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ก็ให้ลองตรวจสอบสถานะการเชื่อมต่ออุปกรณ์ดูหากขึ้นแจ้งเตือนว่า USB device not recognized ก็แสดว่าเป็นปัญหาจากตัวคอมพิวเตอร์และ Windows โดยวิธีแก้ไขก็ง่ายมากๆ สำหรับการเชื่อมต่อมีสายนั้นเพียงถอดสายออกและเชื่อมต่อใหม่หากแก้ไขได้ข้อความ USB device not recognized

วิธีแก้ไขคีย์บอร์ด พิมพ์ไม่ได้ เบื้องต้นด้วยตัวเองวิธีแก้ไขคีย์บอร์ด พิมพ์ไม่ได้ เบื้องต้นด้วยตัวเอง

1. ถอดและเชื่อมต่อคีย์บอร์ดอีกครั้ง หากใช้คอมพิวเตอร์เดสก์ท้อปหรือต่อคีย์บอร์ดแยก ให้ลองถอดแล้วเสียบใหม่ ส่วนคีย์บอร์ดไร้สายก็ให้ถอดตัวรับสัญญาณ USB แล้วเสียบใหม่ หรือถ้าใช้คีย์บอร์ดบลูทูธ ให้เปิด Start Menu พิมพ์ว่า Bluetooth แล้วกด Enter จากนั้นเลือกคีย์บอร์ดที่ใช้อยู่ กด Remove แล้วเชื่อมต่อใหม่ อาจจะกลับมาพิมพ์ได้เหมือนปกติ 2. รีสตาร์ตเครื่อง ถ้าทำตามข้อแรกแล้วยังไม่หาย ให้ลองรีสตาร์ตคอมพิวเตอร์ดูสักครั้ง เพราะการบูตระบบขึ้นมาใหม่อาจช่วยแก้บั๊กและปัญหาหลาย ๆ อย่างให้หายไปได้ 3. เปลี่ยนพอร์ต USB