YMFTHAI-FAQ การแก้ไขปัญหาคอมพิวเตอร์เบื้องต้น ( Troubleshoot basic ) วิธีแก้ไขคีย์บอร์ด พิมพ์ไม่ได้ เบื้องต้นด้วยตัวเอง

วิธีแก้ไขคีย์บอร์ด พิมพ์ไม่ได้ เบื้องต้นด้วยตัวเอง

1. ถอดและเชื่อมต่อคีย์บอร์ดอีกครั้ง

หากใช้คอมพิวเตอร์เดสก์ท้อปหรือต่อคีย์บอร์ดแยก ให้ลองถอดแล้วเสียบใหม่ ส่วนคีย์บอร์ดไร้สายก็ให้ถอดตัวรับสัญญาณ USB แล้วเสียบใหม่ หรือถ้าใช้คีย์บอร์ดบลูทูธ ให้เปิด Start Menu พิมพ์ว่า Bluetooth แล้วกด Enter จากนั้นเลือกคีย์บอร์ดที่ใช้อยู่ กด Remove แล้วเชื่อมต่อใหม่ อาจจะกลับมาพิมพ์ได้เหมือนปกติ

2. รีสตาร์ตเครื่อง

ถ้าทำตามข้อแรกแล้วยังไม่หาย ให้ลองรีสตาร์ตคอมพิวเตอร์ดูสักครั้ง เพราะการบูตระบบขึ้นมาใหม่อาจช่วยแก้บั๊กและปัญหาหลาย ๆ อย่างให้หายไปได้

3. เปลี่ยนพอร์ต USB ที่ใช้

ลองเปลี่ยนพอร์ต USB ที่ใช้เสียบคีย์บอร์ดไปใช้ช่องอื่น ๆ ที่เหลือดู เพราะบางทีพอร์ต USB ที่กำลังเสียบอยู่อาจจะเสียหรือมีปัญหาก็ได้

4. อัปเดต/ติดตั้งไดรเวอร์ใหม่

คลิกขวาที่ปุ่ม Start แล้วเลือก Device Manager จากนั้นคลิกที่ Keyboards แล้วคลิกขวาที่ชื่อคีย์บอร์ด เลือก Update driver ถ้ายังไม่หาย ให้คลิกที่เดิมแล้วเลือก Uninstall Device

คีย์บอร์ดพิมพ์ไม่ได้

จากนั้นคลิกขวาที่ชื่อคอมพิวเตอร์ด้านบนแล้วเลือก Scan for hardware changes เพื่อติดตั้งไดรเวอร์ใหม่อีกครั้ง นอกจากนี้ในกรณีที่ใช้โน้ตบุ๊ก สามารถเข้าไปดาวน์โหลดไดรเวอร์เวอร์ชั่นล่าสุดจากเว็บไซต์ของยี่ห้อโน้ตบุ๊กนั้น ๆ มาติดตั้งได้

คีย์บอร์ดพิมพ์ไม่ได้

5. เปลี่ยนคีย์บอร์ดใหม่

มีความเป็นไปได้ว่าปัญหาอาจเกิดจากคีย์บอร์ดที่กำลังใช้อยู่ ถ้ามีคีย์บอร์ดอันอื่นก็ให้ลองนำมาเปลี่ยนดู หรือถ้าใช้โน้ตบุ๊กก็ลองหาคีย์บอร์ดมาต่อแยก จะเป็นแบบมีสายหรือใช้คีย์บอร์ดไร้สายก็ได้

6. ส่งศูนย์ซ่อม

สำหรับผู้ที่ใช้โน้ตบุ๊ก หากลองทุกข้อที่ได้กล่าวมาแล้วก็ยังไม่สามารถใช้งานคีย์บอร์ดได้ หรืออาจจะไม่สะดวกต่อคีย์บอร์ดแยก ก็คงต้องส่งซ่อมกับทางศูนย์บอร์ด เพราะน่าจะเกิดจากปัญหาด้านฮาร์ดแวร์ภายใน เช่น สายแพร์คีย์บอร์ดของโน้ตบุ๊กเสียหาย ซึ่งไม่สามารถซ่อมหรือแก้ปัญหาด้วยตัวเองได้

และทั้งหมดนี้ก็คือวิธีการเช็กหาสาเหตุและแก้ปัญหาเบื้องต้น สำหรับผู้ที่พบปัญหาคีย์บอร์ดพิมพ์ไม่ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรแกะเครื่องอุปกรณ์ออกมาซ่อมเองถ้าไม่มีความชำนาญ แนะนำให้ส่งซ่อมกับศูนย์บริการน่าจะดีที่สุด

Related Post

เปิดคอมไม่ติดเปิดคอมไม่ติด

ปัญหาที่หนักกว่าการเข้า Window ไม่ได้หรือระบบปฏิบัติการล่มคือการไม่สามารถเปิดเครื่องได้เลย ซึ่งปัญหาดังกล่าวอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการถูกโจมตีด้วยไวรัส เมนบอร์ดทำงานผิดปกติ หรือซีพียูเกิดไฟฟ้าลัดวงจร รวมไปถึงสายไฟและวงจรต่าง ๆ ไม่ได้ถูกต่อเข้าอย่างถูกวิธี หากเป็นเช่นนั้น การแก้ไขสามารถทำได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เพียงแต่ต้องให้ความสำคัญกับส่วนประกอบต่าง ๆ ที่หากถอดออกมาแล้ว ควรประกอบให้เหมือนเดิม วิธีแก้ไข: การแก้ไขปัญหาเปิดคอมไม่ติดอาจเริ่มด้วยการตรวจเช็คปลั๊กต่าง ๆ ว่ามีการเสียบต่ออย่างถูกต้องแล้วหรือยัง รวมถึงการทำความสะอาด Slot ต่าง ๆ ของอุปกรณ์ที่ต่อพ่วงกับคอม และถอดซีพียูออกมาเช็คดูว่ามีความเสียหายหรือมีอะไรหลุดออกจากตำแหน่งที่ควรอยู่หรือไม่ หากมีให้จัดการเชื่อมต่อให้เรียบร้อย หากไม่สามารถหาสาเหตุของปัญหาพบ การนำไปให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบย่อมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

แอพหรือโปรแกรมค้าง ทำงานไม่ได้ ปิดก็ไม่ได้แอพหรือโปรแกรมค้าง ทำงานไม่ได้ ปิดก็ไม่ได้

หนึ่งในปัญหาคลาสสิคที่ทุกคนพบเจอ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากการใช้งานหน่วยความจำหนักเกินไป หรือไวรัสโจมตีการทำงานของคอมพิวเตอร์ ปัญหาดังกล่าวอาจทำให้งานที่ทำอยู่ถูกลบไปโดยที่ยังไม่ได้บันทึกได้ ดังนั้น ปัญหาแอพหรือโปรแกรมค้างจำเป็นที่จะต้องดำเนินการแก้ไขด้วยความใจเย็น เพื่อให้ส่งผลกระทบต่อคอมน้อยที่สุด วิธีแก้ไข: ปัญหาแอพหรือโปรแกรมค้างสามารถแก้ไขได้ง่ายด้วยการกด Ctrl+Alt+Del จากนั้นให้เลือกโปรแกรมที่ค้างหรือขึ้น Not Responding แล้วคลิก End Task เพื่อปิดการใช้งานโปรแกรมดังกล่าวเป็นการเฉพาะ จากนั้นให้เปิดโปรแกรมขึ้นมาใหม่อีกครั้งจะพบว่ายังมีข้อมูลหลงเหลืออยู่จากการ Auto Save ให้จัดการ Save ให้เรียบร้อยเพื่อใช้งานต่อไป

ปัญหาต้องตั้งเวลาใหม่ปัญหาต้องตั้งเวลาใหม่

ปกติแล้วเวลาในคอมพิวเตอร์จะต้องมีการอัพเดตแบบเรียลไทม์ทุกครั้งที่เปิดคอมขึ้นใช้งาน แต่ในกรณีที่เปิดคอมขึ้นมาแล้ว เวลาถูกรีเซ็ทเป็น 0.00 ทุกครั้ง แสดงว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับคอม โดยเฉพาะแบตเตอรี่ในเมนบอร์ดอาจจะหมดอายุเนื่องจากใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน หรือคอมเก่าและไม่ค่อยได้บำรุงรักษาเท่าใดนัก วิธีแก้ไข: หากแบตเตอรี่ในเมนบอร์ดหมดอายุ สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ ด้วยการนำไปเปลี่ยนที่ร้านหรือซื้อแบตใหม่มาเปลี่ยนที่บ้านก็ได้เช่นกัน