YMFTHAI-FAQ การแก้ไขปัญหาคอมพิวเตอร์เบื้องต้น ( Troubleshoot basic ) วิธีตรวจสอบและแก้ไขปัญหาเครื่องปริ้นไม่ทำงานเบื้องต้น

วิธีตรวจสอบและแก้ไขปัญหาเครื่องปริ้นไม่ทำงานเบื้องต้น

1. ตรวจสอบสายไฟและปลั๊กไฟ

ขั้นตอนแรกควรตรวจสอบสายไฟและปลั๊กไฟของ Printer (เครื่องปริ้น) ว่าเสียบแน่นหรือไม่ หากสายไฟหรือปลั๊กไฟชำรุดเสียหาย ควรเปลี่ยนใหม่

2. ตรวจสอบการตั้งค่า Printer (เครื่องปริ้น)

หาก Printer (เครื่องปริ้น)เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ผ่านสาย USB ให้ตรวจสอบการตั้งค่า Printer (เครื่องปริ้น) ในคอมพิวเตอร์ว่าถูกต้องหรือไม่ ในกรณีนี้อาจเกิดจากปัญหาการตั้งค่า Printer (เครื่องปริ้น) หรือไดรเวอร์ Printer (เครื่องปริ้น)

3. ตรวจสอบกระดาษและหมึก

ตรวจสอบให้แน่ใจว่ากระดาษและหมึกของ Printer (เครื่องปริ้น) มีเพียงพอหรือไม่ หากกระดาษหมดหรือหมึกหมด ให้เติมกระดาษหรือเปลี่ยนตลับหมึกใหม่

4. รีสตาร์ท Printer (เครื่องปริ้น)

หากทำตามขั้นตอนข้างต้นแล้วยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ให้ลองรีสตาร์ท Printer (เครื่องปริ้น)  โดยปิด Printer (เครื่องปริ้น)แล้วเสียบปลั๊กทิ้งไว้ประมาณ 30 วินาที จากนั้นจึงเปิด Printer (เครื่องปริ้น) อีกครั้ง

5. ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า

หากทำตามขั้นตอนข้างต้นแล้วยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ควรติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของผู้ผลิต Printer (เครื่องปริ้น) เพื่อขอความช่วยเหลือ

เคล็ดลับเพิ่มเติม

  • หาก Printer (เครื่องปริ้น) เกิดปัญหาบ่อยครั้ง อาจเกิดจากปัญหาฮาร์ดแวร์ของ Printer (เครื่องปริ้น) ควรนำ Printer (เครื่องปริ้น) ไปให้ช่างซ่อมตรวจสอบ
  • ควรทำความสะอาด Printer (เครื่องปริ้น) เป็นประจำเพื่อป้องกันปัญหาการอุดตันของหัวพิมพ์
  • ควรใช้กระดาษและหมึกที่มีคุณภาพเหมาะสมกับ Printer (เครื่องปริ้น)
  • เลือกใช้บริการ IT Outsource เพื่อคอยตรวจเช็กการทำงานของ Printer (เครื่องปริ้น) ให้ใช้งานได้ปกติ

Related Post

วิธีแก้ไขคีย์บอร์ด พิมพ์ไม่ได้ เบื้องต้นด้วยตัวเองวิธีแก้ไขคีย์บอร์ด พิมพ์ไม่ได้ เบื้องต้นด้วยตัวเอง

1. ถอดและเชื่อมต่อคีย์บอร์ดอีกครั้ง หากใช้คอมพิวเตอร์เดสก์ท้อปหรือต่อคีย์บอร์ดแยก ให้ลองถอดแล้วเสียบใหม่ ส่วนคีย์บอร์ดไร้สายก็ให้ถอดตัวรับสัญญาณ USB แล้วเสียบใหม่ หรือถ้าใช้คีย์บอร์ดบลูทูธ ให้เปิด Start Menu พิมพ์ว่า Bluetooth แล้วกด Enter จากนั้นเลือกคีย์บอร์ดที่ใช้อยู่ กด Remove แล้วเชื่อมต่อใหม่ อาจจะกลับมาพิมพ์ได้เหมือนปกติ 2. รีสตาร์ตเครื่อง ถ้าทำตามข้อแรกแล้วยังไม่หาย ให้ลองรีสตาร์ตคอมพิวเตอร์ดูสักครั้ง เพราะการบูตระบบขึ้นมาใหม่อาจช่วยแก้บั๊กและปัญหาหลาย ๆ อย่างให้หายไปได้ 3. เปลี่ยนพอร์ต USB

วิธีแก้เมาส์ค้าง ทำได้เลยด้วยตัวเองวิธีแก้เมาส์ค้าง ทำได้เลยด้วยตัวเอง

เมาส์ อุปกรณ์บังคับสำหรับคอมพิวเตอร์ หรือโน๊ตบุ๊ค มีหลายขนาดให้รองรับกับมือของผู้ใช้งานไม่ว่าจะเล็ก กลางหรือใหญ่ รวมถึงยังสามารถแบ่งออกได้เป็นสำหรับการทำงาน หรือเล่นเกมอีกด้วย พร้อมทั้งการเชื่อมต่อที่เลือกได้ทั้งแบบมีสายหรือไร้สาย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์สำคัญที่ทุกคนต้องมี แต่ว่าทุกการใช้งานก็ย่อมมีปัญหาเข้ามาทักทาย บางคนที่กำลังใช้เมาส์อย่างเมามันนั้นอาจจะต้องเจอกับปัญหาอย่าง เมาส์ค้าง จะขยับหรือสะบัดยังไงตัวเคอร์เซอร์เมาส์ที่เป็นลูกศรก็ไม่ขยับเสียที Mercular ก็อยากจะบอกกับคนที่กำลังประสบปัญหานี้ว่า อย่าพึ่งวู่วาม ใจร้อนจนถึงขั้นเขวี้ยงเมาส์ทิ้งไป เพราะเมื่อเกิดปัญหาก็ย่อมมีทางแก้ไข มาอ่าน วิธีแก้เมาส์ค้าง ทำได้เลยด้วยตัวเอง จะต้องทำยังไงบ้าง ไปดูกันเลย วิธีแก้เมาส์ค้าง สำหรับวิธีการแก้เมาส์ค้างนั้น จะสามารถเข้าไปตรวจสอบและแก้ไขได้ถึง 2 ส่วนด้วยกัน นั่นก็คือแก้ไขจากตัวเมาส์เอง กับ แก้ไขจากไดรเวอร์ของเมาส์ ซึ่งแต่ละส่วนนั้นจะทำยังไงบ้าง และทำแบบไหน

สาเหตุและวิธีแก้ไขเมื่อคอมพิวเตอร์เจอปัญหาความร้อนสูงเกินไปสาเหตุและวิธีแก้ไขเมื่อคอมพิวเตอร์เจอปัญหาความร้อนสูงเกินไป

วิธีการตรวจสอบว่าคอมพิวเตอร์มีความร้อนสูงเกินไปหรือไม่?  เริ่มต้นด้วยการสัมผัสพีซีของคุณเพื่อตรวจสอบว่าเครื่องร้อนเกินไปหรือไม่  จะพบว่าอุปกรณ์ค่อนข้างร้อน นอกจากนี้ ยังมีเสียงดังของพัดลมพีซีที่ทำงานด้วยความเร็วอย่างเต็มที่ การทำงานที่ช้าลงอย่างมาก และการปิดระบบโดยไม่คาดคิด ก็เป็นสัญญาณที่แสดงว่าคอมพิวเตอร์ร้อนเกินไปเช่นกัน หากพีซีของคุณค้างและหยุดทำงานบ่อยครั้งนั่นก็เพื่อลดความเสียหายเนื่องจากความร้อนที่สูงเกินไป จึงทำให้ CPU เลือกที่จะปิดงานส่วนที่ใช้ทรัพยากรมาก ในกรณีที่คอมพิวเตอร์ของคุณเริ่มส่งเสียงดังหรือร้อนขึ้นเมื่อเปิดแท็บมากเกินไปในเบราว์เซอร์ของคุณ หรือขณะที่ไฟล์มัลติมีเดียกำลังถูกแก้ไขหรือในขณะที่คุณกำลังเล่นเกมอยู่ แสดงว่าพีซีมีความร้อนสูงเกินไปอย่างแน่นอน คุณต้องปิดโปรแกรมเหล่านี้ทันทีเพื่อให้พีซีของคุณมีเวลาพักและมีเวลาให้เย็นลง นอกจากนี้ คุณอาจต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ตรวจสอบอุณหภูมิหากคอมพิวเตอร์ของคุณมีความร้อนสูงเกินไปบ่อยๆ ซึ่งการทำเช่นนี้จะทำให้คุณสามารถตรวจสอบอุณหภูมิของพีซีได้ในช่วงเวลาต่างๆ ของวัน ทำให้ง่ายต่อการวิเคราะห์ว่าคอมพิวเตอร์ของคุณมีความร้อนสูงเกินไปหรือไม่และเมื่อใดด้วย จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคอมพิวเตอร์มีความร้อนสูงนานเกินไป หากคอมพิวเตอร์ไม่สามารถเย็นลงได้เป็นเวลานาน ผลลัพธ์ของคอมพิวเตอร์จะแตกต่างกันไปตามปริมาณความร้อนที่เกิดขึ้นและการออกแบบของ CPU โดยเริ่มแรกนั้น คุณจะสังเกตเห็นว่าพีซีของคุณค้างหรือหยุดทำงาน หากปัญหาความร้อนสูงเกินไปไม่ได้รับการแก้ไขในขั้นตอนนี้ จะนำไปสู่ข้อผิดพลาด BSOD